เดินทางสู่สังเวชนียสถานครบทั้ง 4 แห่ง
ณ ประเทศอินเดีย – เนปาล
8 วัน 7 คืน
เลือกวันเดินทางและสายการบินได้เอง
สอบถามรายละเอียดได้ที่ 081-9180896/ 084-4509914/ 02-5104924
วันเดินทาง | รายละเอียดการเดินทาง |
---|---|
วันที่ 1 กรุงเทพฯ - คยา |
เดินทางถึงสนามบินเมืองคยา คณะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง พร้อมรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองคยา สถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บรมศาสดาแห่งศาสนาพุทธ สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกมุมโลก และ เป็นจุดกำเนิดของศาสนาพุทธเป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Marasa Sarovar Hotelหรือระดับเทียบเท่า รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางไปไปยังบริเวณ บ้านนางสุชาดา ซึ่งนางสุชาดานั้นเป็นผู้ถวายข้าวมธุปายาส (ข้าวที่หุงกวนด้วยน้ำผึ้งและนม) ด้วยเข้าใจว่าพระพุทธองค์ที่นั่งสงบอยู่ใต้ต้นไม้คือรุกขเทวดาที่ช่วยให้นางได้ลูกชายสมปรารถนาจึงนำข้าวมธุปายาสใส่ถาดทองไปถวายเพื่อแก้บน หลังจากฉันท์อาหารนั้นแล้ว พระพุทธองค์ได้นำถาดทองคำนี้มาที่ริมแม่น้ำเนรัญชรา แล้วทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า “ถ้าทรงได้ตรัสรู้แก่พระปรมาภิเสกสัมโพธิญาณแล้วขอให้ถาดนี้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป” แล้วทรงลอยถาดนั้นลงแม่น้ำ ขณะนั้นอานุภาพพระบารมีของพระองค์ซึ่งทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้ว ได้แสดงให้เห็นความอัศจรรย์ ถาดทองนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปประมาณ 1 เส้น แล้วถาดทองนั้นก็จมลงในแม่น้ำจึงเรียกแม่น้ำนี้ว่า “แม่น้ำแห่งการตรัสรู้ ” จากนั้นนำคณะเดินทางไปชมความสวยงามของศิลปกรรมและความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาของแต่ละประเทศทั้งสายเถรวาทและสายมหายานของ วัดพุทธนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น วัดศรีลังกา วัดพม่า วัดทิเบต วัดภูฏาน วัดเกาหลี วัดจีน วัดญี่ปุ่น ซี่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน 1500 น. นำคณะเข้าเยี่ยมชมสักการะ มหาเจดีย์พุทธคยา ซึ่งมีความสูง 52 เมตร มีองค์ประกอบส่วนยอดเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ส่วนกลางเป็นทรงปรางค์คล้ายพีระมิด และส่วนล่างนั้นเป็นวิหารซึ่งสามารถประกอบศาสนกิจได้ และภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธเมตตา ซึ่งเป็นพระพุทธปฏิมากรปางมารวิชัย ที่สวยงามมาก สร้างจากหินแกรนิตสีดำในสมัยราชวงศ์ปาละ มีอายุกว่า 1,500 ปี ให้ท่านได้มีเวลา สักการะบูชา อธิษฐานขอพร พระพุทธเมตตา ด้านหลังของมหาเจดีย์พุทธคยาเป็นสถานที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และระหว่างต้นพระศรีมหาโพธิ์กับมหาเจดีย์พุทธคยาประดิษฐาน พระแท่นวัชรอาสน์ ที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จขึ้นประทับบำเพ็ญเพียรด้วยสมาธิโดยพระแท่นวัชรอาสน์เป็นแท่นหินสี่เหลี่ยมสลักลวดลาย สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
วันที่ 2 คยา - ราชคฤห์ – นาลันทา - ปัตตะนะ |
เช้าตรู่ รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 0700 น. ออกเดินทางสู่ เมืองราชคฤห์ โดยรถปรับอากาศระยะทาง 60กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง 0930 น. เดินทางถึง เมืองราชคฤห์ (Rajgir) เมืองราชคฤห์เป็นอดีตมหานครอันยิ่งใหญ่แห่งแคว้นมคธในสมัยพุทธกาลและเป็นเมืองศูนย์ กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก จัดเป็นเมืองใหญ่หนึ่งในหกของอินเดียโบราณตั้งอยู่ทางตะวันออกของชมพูทวีป ซึ่งปัจจุบัน คือ จังหวัดนาลันทา ในรัฐพิหาร ภายในตัวเมืองนั้นจะเป็นเมืองเก่ามีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนัก แต่ภายนอกออกไปทางด้านนาลันทาจะเป็นชุมชนใหญ่ และภายในตัวเมืองราชคฤห์นั้นจะมีโบราณสถานต่างๆ อยู่มากมาย ซึ่งเมืองราชคฤห์นั้นห่างจากเมืองพุทธคยาประมาณ 85 กิโลเมตร เดินทางเข้าสู่ เมืองนาลันทา (เมืองแห่งอัครสาวก บ้านเกิดของพระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวา)
นำคณะเดินทางขึ้น เขาคิชฌกูฏ ซึ่งเป็นเขาที่เอียงลาดยาวขึ้นไป ลักษณะทางขึ้นนั้นไม่ลำบากมากนักระหว่างทางไปเขาคิชฌกูฏจะผ่านชีวกัมพวันซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในพระพุทธ ศาสนาหมอชีวกได้รับแต่งตั้งให้เป็นแพทย์ประจำราชสำนักหมอชีวก หรือ "ชีวกโกมารภัจจ์" ซึ่งเป็น บุตรของนางสาลวตี ซึ่งเป็นหญิงนครโสเภณีประจำ กรุงราชคฤห์ เมื่อนางคลอดลูกออกมาเป็นชายก็ได้นำไปทิ้งยังกองขยะ ต่อมาอภัยราชกุมารไปพบเข้าจึงนำไปเลี้ยงไว้ในวัง และให้ไปศึกษาวิชาแพทย์ที่เมืองตัก-กสิลา นครหลวงแห่งแคว้นคันธาระเมื่อจบออกมาก็เป็นหมอใหญ่ที่มีชื่อเสียงมาก ผ่านชม ถ้ำสุกรขาตา ซึ่งเป็นถ้ำที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ และเป็นที่ที่พระเทวฑัตกลิ้งก้อนหินใส่พระพุทธองค์ บนยอดเขาคิชฌกูฏนั้นจะเป็นลานกว้างพอสมควรมีอิฐปรักหักพังลักษณะสี่เหลี่ยมเป็นที่ประทับของพระพุทธองค์และมีกุฏิวิหารสำหรับพระภิกษุสงฆ์อีกหลายท่าน และสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองราชคฤห์ในมุมสูง 1130 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม 1300 น. เดินทางไปชม วัดเวฬุวัน ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกที่เกิดในพระพุทธศาสนาที่พระเจ้าพิมพิสารสร้างถวายพระพุทธองค์ และพระอัครสาวกได้อุปสมบท ณ วัดแห่งนี้ เป็นสถานที่ประชุมสงฆ์ครั้งใหญ่ที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาตซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 1250 รูปเดินทางมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย และภิกษุสงฆ์เหล่านั้นเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา นำท่านไปสักการะ หลวงพ่อพระเจ้าองค์ดำ พระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่และศักดิ็สิทธิ์ หลวงพ่อพระเจ้าองค์ดำ เป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินสีดำ หน้าตักกว้าง 60 นิ้ว พระเกตุทรงดอกบัวตูม ปางสมาธิ องคุลีของพระหัตถ์ขวาทั้งหมดชี้ลงธรณี แม้บาง องคุลีและพระนาสิกจะหักบิ่นไป แต่ก็ยังทรงความงดงามอยู่มิได้จืดจางชาวอินเดียนับถือศรัทธา ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านมากเวลา ลูกไม่สบาย ก็พากันเอาน้ำมันเนยมาทาที่องค์ท่านก่อนแล้วลูบ เอาน้ำมันเนยนั้นกลับมาทาตัวลูก ทำให้ ลูกหายเจ็บป่วย หายงอแง กินข้าวได้ อ้วนท้วนสมบูรณ์ จนหลายคนขนานนามท่านว่าหลวงพ่อน้ำมัน หรือภาษาอินเดียว่า"เตลิยะบาบา" บางคนก็ ขนาน นามท่านว่า"หลวงพ่ออ้วน"หรือภาษาอินเดีย ว่า" โมต้าบาบา" จากนั้นเดินทางเข้าชม มหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แห่งราชวงศ์โมริยะ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 3 จากนั้นได้มีการสร้างติดต่อกันเรื่อยมาอีกหลายยุค อันมีวัตถุประสงค์ให้เป็นสถานศึกษาแก่พระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา สถานที่แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางในการศึกษาและเผยแผ่พุทธศาสนาไปสู่นานาอารยะประเทศโดยเฉพาะนิกายมหายาน มหาวิทยาลัยนาลันทาเจริญรุ่งเรืองอยู่ได้ประมาณ 800 ปี จึงเริ่มเสื่อมสลายลง แต่เหตุการณ์ที่ทำลายมหาวิทยาลัยนาลันทาอย่างรุนแรง คือ การที่พวกมุสลิมเติรกส์รุกรานเข้ามาในราวปี พ.ศ.1742 ในช่วงที่ทำสงครามกันอยู่ยาวนานกว่า 300 ปี มีการกวาดล้างศาสนาต่างๆ บังคับให้เข้าศาสนาตน ฆ่าพระสงฆ์ นักบวชฮินดู ตลอดจนผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา เผาทำลายล้างสิ่งปลูกสร้างและตำราต่างๆที่มีอยู่มากมายมหาศาลจนหมดสิ้น มหาวิทยาลัยนาลันทาล่มสลายจมลงอยู่ใต้พื้นพิภพ นานถึง 625 ปี เพิ่งมาขุดค้นพบ กันอีกครั้ง เมื่อ พ.ศ. 2403 โดยชาวอังกฤษ การขุดสำรวจ ภายในเนื้อที่ 230 ไร่ ได้พบซากบางส่วนของมหาวิทยาลัยนาลันทา หอประชุม ที่พักนักศึกษา ห้องเรียน โรงอาหาร สังฆาราม เป็นต้น นำท่านเดินทางไปยัง เมืองปัตตนะ ระยะทาง103 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที เมื่อเดินทางถึงนำท่านเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ โรงแรม Royal Vihar Hotel หรือระดับเทียบเท่า รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
วันที่ 3 เวสาลี - กุสินารา |
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านออกเดินทางต่อสู่ เมืองเวสาลี ระยะทาง 31 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เมืองเวสาลี คือเมืองโบราณในสมัยพุทธกาลที่มีความสำคัญในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของคณะเจ้าลิจฉวี ที่ปกครองแคว้นวัชชีด้วยระบอบคณาธิปไตยแห่งแรก ๆ ของโลก เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งในสมัยพุทธกาล และเป็นที่มั่นแห่งสำคัญของพระพุทธศาสนาในสมัยนั้น เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่พุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นที่กำเนิดของพระมหาวีระศาสดาของศาสนาเชน ชม วัดป่ามหาวัน ที่มีเสาพระเจ้าอโศกที่สมบูรณ์ที่สุดและงดงามที่สุดของอินเดีย ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่เวสาลีหลายครั้ง แต่ละครั้งจะทรงประทับที่กูฏาคารศาลาป่ามหาวันเป็นส่วนใหญ่ พระสูตรหลายพระสูตรเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่กูฏาคารศาลานี่เองที่เป็นที่ ๆ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลกอีกทั้งพระสูตรหลายพระสูตรเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองกุสินารา ระยะทาง 261 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 5 ชั่วโมง เมือเดินทางถึงนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ โรงแรม ImperialHotel หรือระดับเทียบเท่า ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
วันที่ 4 กุสินารา - ลุมพินี (เนปาล) |
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ สถานที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จดับขันปรินิพาน และเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ สาลวโนทยาน ซึ่งเดิมนั้นเป็นอุทยานของมัลลกษัตริย์ มีสถูปและปรินิพพานวิหาร ประดิษฐานอยู่ ซึ่งปรินิพพานวิหารนั้นภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ที่มีความสวยงามมาก สันนิฐานว่าสร้างขึ้นในราว ๆ พุทธศตวรรษที่ 9 โดยเป็นศิลปะแบบเมถุลา ด้านหลังพระวิหารปรินิพพาน มีพระสถูปองค์หนึ่ง เรียกว่า ปรินิพพานสถูป สร้างในรัชสมัยพระเจ้าอโศก โดยมีประวัติว่า พระเจ้าอโศกเมื่อทรงมาถึงสถานปรินิพพาน ทรงเศร้าโศกพระทัย เพราะอาลัยถึงพระพุทธองค์ ถึงกับทรงวิสัญญีล้มสลบ และได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์หนึ่งแสน โปรดดำริให้ ก่อสร้างพระสถูปขนาดใหญ่ ขึ้นในบริเวณที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ทรงให้สร้างคร่อมพระแท่นที่ ปรินิพพาน พร้อมด้วยต้นสาละนั่นเอง มีลักษณะเป็นสถูปทรงบาตรคว่ำ สูงราว 70 ฟุต บนยอดมีฉัตร 3 ชั้น จากนั้นเดินทางไป นมัสการมกุฏพันธนเจดีย์ เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ซึ่งปัจจุบันเป็นซากเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เทียง รับประทานอาหารกลางวัน หลังอาหารนำท่านออกเดินทางเข้าสู่ลุมพินี สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ประเทศ เนปาล ระยะทาง 163 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง โดยบรรยากาศระหว่างการเดินทางสองข้างทางนั้นลักษณะเป็นทุ่งหญ้า คณะเตรียมหนังสือเดินทางเพื่อข้ามเขตไปประเทศเนปาล ก่อนเดินทางถึงแวะเยี่ยมชม พุทธวิหารสาลวโนทยาน 960 เพื่อรับประทานของว่าง นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Pawan Palace Hotelหรือระดับเทียบเท่า ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
วันที่ 5 ลุมพินี – สาวัตถี |
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ มหาวิหารมายาเทวี เพื่อสักการะสถานที่ประสูติของพระพุทธองค์ ณ สวนลุมพินี เชื่อกันว่าเป็นบริเวณที่ประสูติของสิทธัตถะราชกุมาร คือจุดที่เสาศิลา ของพระเจ้าอโศกมหาราชตั้งอยู่ ยังมีข้อความภาษาพราหมณ์ จารึกไว้อย่างสมบูรณ์ว่าเป็นสถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายใน มหาวิหารมายาเทวี มีศิลาสลักภาพพุทธประวัติปางประสูติ เป็นรูปพุทธมารดาอยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวาเหนี่ยวกิ่งไม้สาละ มีรูปเจ้าชายสิทธัตถะออกมาทางปัสสะขวาของพระพุทธมารดา และด้านหน้าของมหาวิหารนั้นสระโบกขรณี ซึ่งเป็นที่สรงสนานของพระนางสิริมายาเทวี ก่อนจะให้ประสูติกาลพระกุมาร และหลังการประสูติ เทียง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม บ่าย นำท่านออกเดินทางกลับสู่ประเทศอินเดียข้ามด่านชายแดนเพื่อเดินทางสู่เมืองสาวัตถีระยะทาง 83 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงนำท่าน เดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Platinum Hotel หรือระดับเทียบเท่า รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
วันที่ 6 สาวัตถึ – พาราณสี |
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางเข้าชมสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดง ยมกปาฏิหาริย์ มีลักษณะเป็นเนินดินสูงประ มาณ 50 เมตร ที่แห่งนี้พระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ย์เพื่อโปรดประชาชนชาวสาวัตถี จากนั้น ทรงเสด็จไปประทับจำพรรษาที่ดาวดึงส์ เมื่อออกพรรษา ทรงเสด็จลงจากสวรรค์ในวันเทโวโรหนะที่สังกัสสะนคร จากนั้นชม วัดเชตวันมหาวิหาร ที่ซึ่งพระพุทธองค์ประทับจำพรรษา นานถึง 19 พรรษา เป็นศุนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุด นมัสการ พระคันธกุฏี ฤดูร้อน ฤดูหนาวและฤดูฝน นมัสการ ธรรมศาลา ที่ใหญ่ที่สุด ธรรมสภา กุฏิพระอรหันต์ เช่น พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระสิวลี พระอานนท์ พระราหุล พระองคุลิมาล พระมหากัสสปะ และอารามฝ่ายพระภิกษุที่เคยจำพรรษาในครั้งพุทธกาล นมัสการ อานันทะต้นโพธิ์ ที่มีอายุยืนยาวมาจนถึง ปัจจุบัน จากนั้นนำคณะไป ชม คฤหาสน์ของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี บ้านบิดาของท่านองค์คุลิมาล ชมสถานที่ธรณีสูบพระเทวทัต และนางจิญจมาณวิกา เทียง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม บ่าย เช็คเอาท์หลังอาหารเช้าพร้อมออกเดินทางสู่ เมืองพาราณสี โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 - 7 ขั่วโมง เดินทางถึงเมืองพาราณสี เมืองพาราณสีเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกรุงเดลลีเมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอินเดียเชื่อว่าไหลมาจากสวรรค์ ซึ่งสายน้ำนั้นไหลมาจากภูเขาหิมาลัย เมืองพาราณสีนั้นเป็นเมืองเก่าที่มีถนนรอบเมืองวกวนไปมาตามโบสถ์และที่บวงสรวงบูชาพระเจ้าของศาสนาฮินดู นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Mudra Hotel หรือระดับเทียบเท่า ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
วันที่ 7 พาราณสี - คยา |
เช้าตรู่ นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือเพื่อนำท่าน ล่องแม่น้ำคงคา อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีความยาวกว่า 2500 กิโลเมตร นมัสการพระบรมสารีริกธาตุซึ่งประดิษฐานอยู่ในแม่น้ำคงคา ชมวิธีการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวเมืองริมฝั่งแม่น้ำคงคา อันเป็นแม่น้ำสาย ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู ซึ่งแม่น้ำแห่งนี้นั้นชาวฮินดูมีความเชื่อว่าผู้ใด ได้อาบ ดื่ม ถือเป็นมงคลของชีวิต และการลงอาบน้ำในแม่น้ำแห่งนี้นั้นสามารถชำระบาปที่มีมาทั้งชีวิตได้ ด้วย ความศรัทธาเหล่านี้เอง จึงทำให้เกิด “โรงแรมมรณะ” ขึ้นริมฝั่งแม่น้ำ เป็นโรงแรมสำหรับ ผู้ป่วยหนักที่นอนรอความตายเพราะมีความเชื่อว่าหากผู้ใดได้เข้ามาตรงจุดนี้ จะเป็นผู้ที่มีบุญ สถานที่แห่งนี้ ยังเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจต่าง ๆ ของชาวฮินดู นักเดินทางจะได้ เห็นประเพณีพิธีการอาบน้ำล้างบาป พิธีการปลงศพริมแม่น้ำคงคาที่มีความแตกต่าง โดยชาวฮินดูมีความเชื่อกันว่าผู้ที่ถูกเผาในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จะหลุดพ้นจากวงโคจรชีวิต ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก แต่ได้ขึ้นสวรรค์ในทันที เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เชื่อกันว่าเป็น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปโดยเด็ดขาด จากนั้นกลับมารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองสารนาถ ซึ่งเป็นเมืองบริวารของเมืองพาราณสีซึ่งอยู่ห่างออกไประยะทาง 10 กิโลเมตร ระหว่างทางผ่าน เจาคันธีสถูปสถานที่พระพุทธองค์ได้ทรงพบปัญจวัคคีย์ ครั้งแรก หลังจากปัญจวัคคีย์ทั้งหมดผละหนีจากพระพุทธองค์ และเมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว ทรงระลึกถึงและทรงเมตตาโปรดให้รู้ธรรมตามจึงเสด็จมาพบ และเกิดพระรัตนตรัยขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก ปัจจุบันเป็นเนินดิน สูงประมาณ 20 เมตร นมัสการ พระคันธกุฏิ เป็นกุฏิหลังแรกที่พระพุทธองค์จำพรรษาเป็นพรรษาแรก หลังจากที่ทรงตรัสรู้อนุตรสัมโพธิญาณ แล้วเข้าชมสังฆารามกุฏิสงฆ์ กว่า 100 หลัง ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ที่ซึ่งสมเด็จพระบรมศาสดาทรงประทานปฐมเทศนาและทรงเสด็จจำพรรษาที่นี่หลายครั้ง นำคณะเดินทางนมัสการ ธัมเมกขสถูปสถานที่แสดงธรรมครั้งแรก สร้างสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ปัจจุบันองค์สถูปมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 28.50 เมตร สูง 33.53 เมตร เป็นสถูปทรงกลม ด้านในสร้างด้วยอิฐแดงเกาะกันจนแน่น ด้านนอกก่อด้วยหินทรายแดงแกะลวดลายสวยงาม หินแต่ละก้อนยาวประมาณ 1 เมตร กว้างครึ่งเมตร มีเหล็กเป็นสลักเชื่อมต่อแต่ละก้อนให้ยึดติดกัน มีช่อง 8 ช่อง หมายถึง มรรคแปด ในสมัยก่อนประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ในแต่ละช่อง จากนั้นนำคณะเดินทางถวายคำบูชาธัมเมกขสถูปและเวียนทักษิณาวัตรเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ชมสิ่งปลูกสร้างอื่นๆที่ปรากฏตามพุทธประวัติ อาทิ ยสะเจดีย์ เสาอโศก ฯลฯ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองคยา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 – 6 ชั่วโมง เดินทางถึงเมืองคยา นำท่านเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ Marasar Sarovar Hotel ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
วันที่ 8 คยา - กรุงเทพ ฯ |
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองคยา เพื่อเดินทางกลับ |
อัตราค่าบริการ
เดินทางขั้นต่ำ 8 ท่าน ราคาท่านละ 42,800 บาท
เดินทาง 15 ท่านขึ้นไป ราคาท่านละ 36,500 บาท
พักเดี่ยวจ่ายเพิ่ม 11,500 บาท
อัตราค่าบริการรวม
- ค่าวีซ่าประเทศเนปาล
- หัวหน้าทัวร์คนไทย เดินทางพร้อมคณะคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่คณะตลอดการเดินทาง
- ไกด์ท้องถิ่นดูแลคณะตลอดการเดินทาง
- พระธรรมทูต บรรยายให้ความรู้ในสถานที่สำคัญๆ ทางพระพุทธศาสนาให้ท่านอย่างละเอียด
- อาหารทุกมื้อตามที่ระบุในรายการ พร้อมน้ำดื่มสะอาดตลอดการเดินทาง
- ที่พักในโรงแรม ทุกแห่ง ตามที่รายการ
- ค่ารถโค้ชปรับอากาศ สำหรับคณะเดินทาง ตั้งแต่ 15 ท่านขึ้นไป รถ Urbaniaสำหรับคณะ ต่ำกว่า 15ท่าน
- ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามที่ระบุในรายการ
- ผ้ารองนั่ง สำหรับการปฏิบัติในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ท่านละ 1ผืน
- ค่าประกันอุบัติเหตุวงเงิน ท่านละ 1,000,000บาท พร้อมประกัน Covid ตามตารางกรรมธรรม์ ของบริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์จำกัด
- ค่าทิปคนขนกระเป๋า คนขับรถ พร้อมผู้ช่วย ไกด์ท้องถิ่น
อัตราค่าบริการไม่รวม
- ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน ไป-กลับชั้นประหยัด (Economy Class) Bangkok-Gaya-Bangkok
- ค่าวีซ่าอินเดีย (ไม่มีค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับคนไทยถึงวันที่ 31 ธ.ค.68 หรือจนจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงจากทางสถานทูต)
- ภาษีสนามบินไทย-อินเดีย
- ค่าทำหนังสือเดินทาง
- ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด
- ค่าทำใบอนุญาตที่กลับเข้าประเทศของคนต่างชาติ หรือคนต่างด้าว
- ค่าภาษีท่องเที่ยวหากมีการจัดเก็บ
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%กรณีต้องการใบกำกับภาษี
- ค่ากล้องถ่ายรูป และค่ากล้องวีดีโอ หากจะนำไปถ่ายภาพภายในสถานที่ สำคัญ ซึ่งทางหัวหน้าทัวร์จะแจ้งให้ทราบ
- ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ท่าน สั่งมารับประทานนอกเหนือจากรายการ
- ค่ามินิบาร์ โทรศัพท์ ฯลฯ ในโรงแรม
- ค่าเสลี่ยงขึ้นเขาคิชกูฏ พร้อมค่าทิป คนหามเสลี่ยง หากต้องการ ท่านละ ประมาณ 1,500รูปี หรือเป็นเงินไทย ประมาณ 700-800บาท ทั้งขาขึ้น และ ขาลง (สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เดินไม่สะดวก) *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาเช็คอัตราค่าบริการกับหัวหน้าทัวร์อีกครั้ง
- ค่าทิปหัวหน้าทัวร์คนไทยที่เดินทางไปพร้อมกับคณะเพื่อคอยอำนวยความสะดวกตามอัธยาศัย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองทัวร์ติดต่อ
081-9180896/ 084-4509914/ 02-5104924
หรือ Add Line @niscotravel