NISCO TRAVEL Explore the world with us

วันที่ 1

กาฐมาณฑุ

เดินทางถึงสนามบินตรีภูวัน เมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เจ้าหน้าที่ทัวร์ท้องถิ่นจะคอยให้การต้อนรับ และนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก  

------------- โรงแรมสามารถเช็คอินได้เวลา 1400 น. ----------- 

จากนั้นอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก ณ โรงแรมในเมืองกาฐมาณฑุ

วันที่ 2

วัดปศุปฎินาถ - มหาเจดีย์โพธิ์นาถ - จัตุรัสปาทัน เดอร์บาร์  - วัดทองคำ

เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

0900-1200 น.   วัดปศุปฎินาถ “Pashupatinath Temple”

ตัววัดตั้งอยู่ห่างจากเมืองกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันออกประมาณ 5 กิโลเมตร สร้างขึ้นมาในสมัยกษัตริย์แห่งราชวงศ์มัลละ เพื่อถวายแด่พระศิวะในภาคขององค์ปศุปฏินาถ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ “ Bagmati River” ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์เปรียบเทียบเสมือนแม่น้ำคงคาแห่งเมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย เพราะแม่น้ำสายนี้จะไหลไปรวมกับแม่น้ำคงคานั้นเองอีกทั้งที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางของการแสวงบุญประจำปีของชาวฮินดูอีกด้วย “มหาศิวะราตรี”  วัดปศุปฏินาถ มีหลังคาที่ทำด้วยทองซ้อนกันถึง 2 ชั้น และประตูเงิน ซึ่งถือว่าเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดวัดหนึ่งในศาสนาฮินดูของเนปาล ถึงแม้ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูเท่านั้นจึงมีสิทธิเข้าไปภายในวัดแห่งนี้ แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมตัววัดและดูกิจกรรมที่จัดให้มีขึ้นภายในอาณาเขตของวัดได้ชัดเจนจากบนฝั่งด้านตะวันออกของแม่น้ำพัคมาตี องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนวัดแห่งนี้ให้เป็นมรดกโลกแล้วในปี พ.ศ. 2522

มหาเจดีย์โพธิ์นาถ หรือพุทธนาถ (Boudhanath)

เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเนปาลบนเจดีย์มีดวงตาเห็นธรรมของพระพุทธเจ้า (Wisdom Eyes) ทั้งสี่ทิศบริเวณรอบวัดเป็นแหล่งชุมชนของชาวพุทธมหายานจากทิเบตที่อพยพเข้ามาเมื่อปี พ.ศ. 2502 จึงจะเห็นพระทิเบตและคนทั่วไปยืนแกว่งล้อมนต์พร้อมกับสวดมนต์อยู่ทั่วไป องค์การยูเนสโกขึ้นได้ทะเบียนสถานที่แห่งนี้เป็นมรดกโลก

1430-1730 น.    เมืองปาทัน “Patan” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองลลิตปูร์ “Lalitpur” เป็น 1 ใน 3 เมืองโบราณของหุบเขากาฐมาณฑุ เป็นเมือง ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองคู่แฝดของเมืองกาฐมาณฑุ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งความงามตัวเมืองมีการวางผังเมืองแบบเนวารี มีถนนโบราณตัดตามแนวเหนือ-ใต้ และตะวันออก-ตะวันตก แบ่งเมืองออกเป็น 4 ส่วน โดยมีจัตุรัส ปาทัน เดอร์บาร์ และ พระราชวังปาทันเป็นศูนย์กลาง เมืองปาทันถือว่าเป็นเมืองแห่งงานวิจิตรศิลป์และหัตถศิลป์ ที่มีความประณีตนอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ วัดทองคำ

วัดทองคำ “Golden Temple”เป็นวัดพุทธที่มีหลังคาทำด้วยแผ่นทองเป็นเส้นยาวลงมาจรดพื้นดินสร้างขึ้นตามความเชื่อแบบพุทธว่าจะเป็นเส้นทางที่เดินขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ ถูกค้นพบในศตวรรษที่ 12 ภาย ในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปนามว่า พระศรีศากยมุณี “Sakyamuni”.  และวัดพระนารายณ์ ที่ได้รับอิทธิพลแบบศิลปะของฮินดู ตระกูลช่างศากยะ นับเป็นนครโบราณที่ยังมีชีวิตที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชาวพุทธและฮินดูได้อย่างลงตัว

นำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก พัก ณ โรงแรมในเมืองกาฐมาณฑุ

 ------------ อาหารกลางวันและอาหารค่ำตามอัธยาศัย -----------

วันที่ 3

กาฐมาณฑุ – โภครา

เช้า        รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ออกเดินทางสู่เมืองโภครา “Pokhara” ระยะทาง 210 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง)

เมืองโภครา (Pokhara) เมืองที่ตั้งอยู่ห่างจากกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันตก 200 กิโลเมตร อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของเนปาล ซึ่งที่นี่จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของดานุละคีรี (Dhanulagiri) มนะสลู (Manaslu) มัจฉาปูชเร (Machhapuchhre) และยอดเขาอรรณาปุรณะทั้ง 5 ยอด (Annapurana) เมืองโภคราแห่งนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร และเป็นจุดชมความสวยงามของเทือกเขาหิมาลัยที่ใกล้ที่สุด เนื่องจากห่างจากเทือกเขาเพียง 30 กิโลเมตร และที่นี่ยังเป็นสถานที่ของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัย และเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเขาเพื่อพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย

------------ อาหารกลางวันและอาหารค่ำตามอัธยาศัย ------------

เมื่อเดินทางถึงนำท่านเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ โรงแรมในเมืองโภครา

วันที่ 4

โภครา - ล่องเรือ

เช้า          รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

น้ำตกเดวี “Davis Falls”

น้ำตกที่มีความลึกถึง 100 เมตร น้ำตกแห่งนี้ตั้งชื่อตามนายเดวิสที่ได้เสียชีวิตที่น้ำตกแห่งนี้พร้อมกับคู่รักของเขา

ถ้ำคุปเตศวรมหาเทพ “Gupteshwor Mahadev”

เป็นถ้ำที่ยาวที่สุดในเนปาล มีความยาวถึง 2 กิโลเมตร และอาจเป็นถ้ำที่น่าดึงดูดและลึกลับที่สุดในเอเชียใต้ทั้งหมด ซึ่งถ้ำนี้ตั้งอยู่ในจุดท่องเที่ยวที่สะดวกสบายในพื้นที่ชโฮเรปาตัน บนชายฝั่งตะวันตกฉียงเหนือของ แม่น้ำกาลีกานดากี ของเขตกันดากี ในเขตกัสกี เชื่อกันว่าถ้าแห่งนี้มีเป็นถ้ำที่เก่าแก่ มีอายุมากกว่า 5000 ปี

โบสถ์ตาลพาราฮี “Tal Barahi Temple”

เป็นโบสถ์พราหมณ์บูชาพระพาราฮี เทวีในศาสนาฮินดู ถือเป็นหนึ่งในโบสถ์พราหมณ์หลังที่สำคัญที่สุดในเมืองโปขรา รัฐคัณฑกี ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ใจกลางทะเลสาบเผวา “Fewa Lake”ที่มีความยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร นำท่านล่องเรือไปชมโบสถ์ตาลพาราฮี โดยการนั่งเรือไป ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาที สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่สักการะบูชาในศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ

แม่น้ำเซติ (Seti river)

ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำแข็งมัจฉาปูชเร แม่น้ำเซติ (ซึ่งแปลว่าสีขาวในภาษาเนปาล) ไหลผ่านบริเวณตัวเมืองหลักในความลึกประมาณ 40 เมตร แม่น้ำสายนี้ให้ทัศนียภาพอันสวยงามของกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่น่ากลัวก่อนจะไหลลงสู่หุบเขาลึกที่บาการ์ หุบเขาแห่งนี้สามารถมองเห็นได้จากสะพานต่างๆ ในเมือง

----------- อาหารกลางวันและอาหารค่ำตามอัธยาศัย ---------------เมื่อเดินทางถึงนำท่านเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ โรงแรมในเมืองโภครา

วันที่ 5

โภครา – อุทยานแห่งชาติจิตวัน 

เช้า       รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านออกเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติจิตวัน (Chitwan National Park)ระยะทาง 148 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง เป็นหนึ่งในมรดกโลก ที่มีพื้นที่ 932 ตารางกิโลเมตร พื้นที่เป็นป่าไม้ที่ราบลุ่มและทุ่งหญ้า เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่ามากมาย เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่สมบูรณ์ที่สุด มีชื่อเสียงในด้านสัตว์ป่าหลากหลายชนิด โดยเฉพาะแรดอินเดียหนึ่งนอและเสือโคร่งเบงกอลที่หายาก นอกจากนั้นยังมีนกประจำถิ่น ลิง หมีควาย กระทิง และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กอื่นๆ อีกมากมาย

นำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก พักในอุทยาน

 ----------- อาหารกลางวันและอาหารค่ำที่โรงแรมจัดไว้ให้ ----------

วันที่ 6

กิจกรรมส่องสัตว์ในอุทยานแห่งชาติ

เช้า                รับประทานอาหารเช้าห้องอาหาร ในโรงแรมที่พัก

ร่วมกิจกรรมส่องสัตว์ในอุทยานแห่งชาติ ตลอดทั้งวัน

------------ อาหารกลางวันและอาหารค่ำที่โรงแรมจัดไว้ให้ ---------

วันที่ 7

อุทยานแห่งชาติจิตวัน – กาฐมาณฑุ

เช้า                รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางกลับสู่เมืองกาฐมาณฑุ ระยะทาง 181 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดิน ทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง) หรือสามารถเลือกเป็นไฟล์ทบินกลับ

-------------- อาหารกลางวันและอาหารค่ำตามอัธยาศัย ------------พัก ณ โรงแรมในเมืองกาฐมาณฑุ

วันที่ 8

เมืองกาฐมาณฑุ – วัดสยมภูวนารถ

เช้า          รับประทานอาหารเช้า

0900-1200 น.      นำท่านไปชมความสวยงามของ เมืองกาฐมาณฑุ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และไปชมวัดสยมภูวนารถ ตั้งอยู่บนยอดเขาทางทิศตะวันตกของเมืองกาฐมาณฑุ เป็นวัดในพุทธศาสนา หรือมีอีกชื่อหนึ่ง ว่าวัดลิงสถานที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาและความสามัคคีมานานหลายศตวรรษความรุ่งเรืองของหุบเขากาฐมาณฑุกล่าวกันว่าเริ่มต้นมาจากจุดนี้

เขตเมืองเก่านครกาฐมัณฑุที่ได้รับการก่อตั้งขึ้นในราชวงศ์ลิจฉวีซึ่งขึ้นครองบัลลังก์ในปี  ค.ศ. 300  ที่นี่เป็นศูนย์กลางของนครกาฐมัณฑุโบราณ สู่ กาฐมาณฑุ ดูร์บาร์ สแควร์(Kathmandu Durbar Square) หรือเรียกว่า จัตุรัสกาฐมาณฑุดูร์บาร์แห่งนี้ประกอบไปด้วยวัดและปราสาทที่เก่าแก่ซึ่งแสดงภาพความเจริญรุ่งเรืองทางด้านศาสนาและวัฒนธรรมของชาวเนปาลเนื่องจากเป็นสถานที่ราชาภิเษกขึ้นครองราชย์สถานที่น่าสนใจที่ควรไปชมได้แก่ วัดตะเลชุ สร้างโดยกษัตริย์มเหนทรามัลละ (King Mahendra Malla) ในปี พ.ศ. 2092 และจัตุรัสแห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2522 อีกด้วย ชม “กาฐมณฑป” หรือ “เรือนไม้” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองอาคารไม้นี้สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่12บนจุดที่เส้นทางการค้าสาคัญสองเส้นตัดกันและใช้เป็นศูนย์กลางของชุมชนในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย  การพัฒนาของตัวเมืองเกิดขึ้นในรัศมีรอบ ๆ พระราชวังเก่า                               

วัดสยมภูวนาถ  “Swayambhunath Temple” ตำนานเล่าว่าสยมภูวนาถเกิดจากดอกบัวที่บานกลางทะเลสาบที่ครั้งหนึ่งเคยแผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วหุบเขากาฐ มาณฑุ พระพุทธรูปศากยมุนีที่ใหญ่ที่สุดในเนปาลตั้งอยู่บนฐานทางทิศตะวันตกของสยมภูวนารถ ด้านหลังยอดเขาเป็นวัดที่อุทิศให้กับมัญชุศรีหรือสรัสวดี เทพีแห่งการเรียนรู้เจดีย์รูปปั้นและศาลของเทพเจ้าในศาสนาพุทธและฮินดูเต็มไปด้วยเจดีย์ที่ซับ ซ้อนฐานของเนินเขาล้อมรอบเกือบทั้งหมดด้วยล้ออธิษฐานที่เพิ่งติดตั้งผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาสามารถมองเห็นได้โดยรอบเจดีย์ตลอดเวลา

นำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก พัก ณ โรงแรมในเมืองกาฐมาณฑุ

------------- อาหารกลางวันและอาหารค่ำตามอัธยาศัย -------------

วันที่ 9

เดินทางกลับ

เช้า       รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย จนเวลาเช็คเอาท์ 1100 น.

นำท่านเดินทางสู่สนามบินตรีภูวัน