แพ็กเกจเดินทางสู่
เมืองคยา – ราชคฤห์ – นาลันทา
เดินทางเองตั้งแต่ 2 ท่าน 4 ท่าน หรือ 6 ท่าน
เลือกวันเดินทางได้เอง มีพระธรรมวิทยากรบรรยาย
สอบถามรายละเอียดได้ที่ 081-9180896/ 084-4509914/ 02-5104924
| วันเดินทาง | รายละเอียดการเดินทาง |
|---|---|
|
วันที่ 1 กรุงเทพฯ - คยา |
เจ้าหน้าที่ทัวร์ท้องถิ่นจะมารอรับท่าน ณ สนามบินเมืองคยา พร้อมนำท่านออกเดิน ทางไปยังโรงแรมที่พัก ณ โรงแรม Marasa Sarovar Premier โรงแรมระดับ 5 ดาว นำท่านเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก พร้อมพักผ่อนตามอัธยาศัย รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
|
วันที่ 2 วัดพุทธนานาชาติ - บ้านนางสุชาดา - ต้นพระศรีมหาโพธิ์ |
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
0900 น. หลังอาหารเช้านำคณะเข้าเยี่ยมชมสักการะ มหาเจดีย์พุทธคยา ซึ่งมีความสูง 52 เมตร มีองค์ประกอบส่วนยอดเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ส่วนกลางเป็นทรงปรางค์คล้ายพีระมิด และส่วนล่างนั้นเป็นวิหารซึ่งสามารถประกอบศาสนกิจได้ และภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธเมตตา ซึ่งเป็นพระพุทธปฏิมากรปางมารวิชัย ที่สวยงามมาก สร้างจากหินแกรนิตสีดำในสมัยราชวงศ์ปาละ มีอายุกว่า 1,500 ปี ให้ท่านได้มีเวลา สักการะบูชา อธิษฐานขอพร พระพุทธเมตตา ด้านหลังของมหาเจดีย์พุทธคยาเป็นสถานที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และระหว่างต้นพระศรีมหาโพธิ์กับมหาเจดีย์พุทธคยาประดิษฐาน พระแท่นวัชรอาสน์ ที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จขึ้นประทับบำเพ็ญเพียรด้วยสมาธิโดยพระแท่นวัชรอาสน์เป็นแท่นหินสี่เหลี่ยมสลักลวดลาย สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับสู้โรงแรมที่พัก เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม
บ่าย คณะเดินทางไปยังเขาดงคศิริ สถานที่ที่บำเพ็ญทุกรกิริยาของเจ้าชายสิทธัตถะก่อนที่จะทรงตรัสรู้พระอนุตตระสัมมาสัมโพธิญาณ ถ้ำดงคสิริ เป็นถ้ำหินแข็งมีขนาดประมาณ ๙ ตารางเมตรภายในถ้ำดงคสิริเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ ปางบำเพ็ญทุกรกิริยา ประทับนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย มองเห็นพระวรกายซูบผอมจนพระอัฐิ (กระดูก) และพระนหารุ (เส้นเอ็น) ปรากฏ ลักษณะพระวรกายผ่ายผอมเห็นหนังติดกระดูกพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ตรงกลางถ้ำ กราบนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามอัธยาศัย (ขึ้นเขาและลงเขาโดยการนั่งเสลี่ยง) การเดินทางขึ้นเขาดงคศิริ จะมีลิงจำนวนมาก ข้อควรระวังคือโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ ต้องเก็บให้เรียบร้อยมิดชิด ระวังลิงจะแย่งเนื่องจากคิดว่าเป็นอาหาร ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
|
วันที่ 3 คยา - ราชคฤห์ - นาลันทา - คยา |
เช้าตรู่ รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารเช้าออกเดินทางโดยรถยนต์ปรับอากาศไปยัง เมืองราชคฤห์ ระยะทาง 85กิโลเมตร เมืองราชคฤห์ เป็นอดีตมหานครอันยิ่งใหญ่แห่งแคว้นมคธในสมัยพุทธกาลและเป็นเมืองศูนย์ กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก จัดเป็นเมืองใหญ่หนึ่งในหกของอินเดียโบราณตั้งอยู่ทางตะวันออกของชมพูทวีป ซึ่งปัจจุบัน คือ จังหวัดนาลันทา ในรัฐพิหาร ภายในตัวเมืองนั้นจะเป็นเมืองเก่ามีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนัก แต่ภายนอกออกไป 0930น. เมืองราชคฤห์ เป็นอดีตมหานครอันยิ่งใหญ่แห่งแคว้นมคธในสมัยพุทธกาลและเป็นเมืองศูนย์ กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก จัดเป็นเมืองใหญ่หนึ่งในหกของอินเดียโบราณตั้งอยู่ทางตะวันออกของชมพูทวีป ซึ่งปัจจุบัน คือ จังหวัดนาลันทา ในรัฐพิหาร ภายในตัวเมืองนั้นจะเป็นเมืองเก่ามีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนัก แต่ภายนอกออกไปทางด้านนาลันทาจะเป็นชุมชนใหญ่ และภายในตัวเมืองราชคฤห์นั้นจะมีโบราณสถานต่างๆ อยู่มากมาย ซึ่งเมืองราชคฤห์นั้นห่างจากเมืองพุทธคยาประมาณ 85 กิโลเมตร เดินทางเข้าสู่ เมืองนาลันทา (เมืองแห่งอัครสาวก บ้านเกิดของพระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวา) นำคณะเดินทางขึ้น เขาคิชฌกูฏ ซึ่งเป็นเขาที่เอียงลาดยาวขึ้นไปลักษณะทางขึ้นนั้นไม่ลำบากมากนักระหว่างทางไปเขาคิชฌกูฏจะผ่านชีวกัมพวันซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในพระพุทธ ศาสนาหมอชีวกได้รับแต่งตั้งให้เป็นแพทย์ประจำราชสำนักหมอชีวก หรือ "ชีวกโกมารภัจจ์" ซึ่งเป็น บุตรของนางสาลวตี ซึ่งเป็นหญิงนครโสเภณีประจำ กรุงราชคฤห์ เมื่อนางคลอดลูกออกมาเป็นชายก็ได้นำไปทิ้งยังกองขยะ ต่อมาอภัยราชกุมารไปพบเข้าจึงนำไปเลี้ยงไว้ในวัง และให้ไปศึกษาวิชาแพทย์ที่เมืองตัก-กสิลา นครหลวงแห่งแคว้นคันธาระเมื่อจบออกมาก็เป็นหมอใหญ่ที่มีชื่อเสียงมาก ผ่านชม ถ้ำสุกรขาตา ซึ่งเป็นถ้ำที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ และเป็นที่ที่พระเทวฑัตกลิ้งก้อนหินใส่พระพุทธองค์ บนยอดเขาคิชฌกูฏนั้นจะเป็นลานกว้างพอสมควรมีอิฐปรักหักพังลักษณะสี่เหลี่ยมเป็นที่ประทับของพระพุทธองค์และมีกุฏิวิหารสำหรับพระภิกษุสงฆ์อีกหลายท่านและสามารถมองเห็นทิว ทัศน์ของเมืองราชคฤห์ในมุมสูง เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม บ่าย หลังอาหารกลางวันนำคณะเดินทาง ชม วัดเวฬุวัน ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกที่เกิดในพระพุทธศาสนาที่พระเจ้าพิมพิสารสร้างถวายพระพุทธองค์ และพระอัครสาวกได้อุปสมบท ณ วัดแห่งนี้ เป็นสถานที่ประชุมสงฆ์ครั้งใหญ่ที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาตซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 1250 รูปเดินทางมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย และภิกษุสงฆ์เหล่านั้นเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา นำท่านไปสักการะ หลวงพ่อพระเจ้าองค์ดำ พระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่และศักดิ็สิทธิ์ หลวงพ่อพระเจ้าองค์ดำ เป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินสีดำ หน้าตักกว้าง 60 นิ้ว พระเกตุทรงดอกบัวตูม ปางสมาธิ องคุลีของพระหัตถ์ขวาทั้งหมดชี้ลงธรณี แม้บาง องคุลีและพระนาสิกจะหักบิ่นไป แต่ก็ยังทรงความงดงามอยู่มิได้จืดจางชาวอินเดียนับถือศรัทธา ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านมากเวลา ลูกไม่สบาย ก็พากันเอาน้ำมันเนยมาทาที่องค์ท่านก่อนแล้วลูบ เอาน้ำมันเนยนั้นกลับมาทาตัวลูก ทำให้ ลูกหายเจ็บป่วย หายงอแง กินข้าวได้ อ้วนท้วนสมบูรณ์ จนหลายคนขนานนามท่านว่าหลวงพ่อน้ำมัน หรือภาษาอินเดียว่า"เตลิยะบาบา" บางคนก็ ขนาน นามท่านว่า"หลวงพ่ออ้วน"หรือภาษาอินเดีย ว่า" โมต้าบาบา"
จากนั้นเดินทางเข้าชม มหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แห่งราชวงศ์โมริยะ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 3 จากนั้นได้มีการสร้างติดต่อกันเรื่อยมาอีกหลายยุค อันมีวัตถุประสงค์ให้เป็นสถานศึกษาแก่พระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา สถานที่แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางในการศึกษาและเผยแผ่พุทธศาสนาไปสู่นานาอารยะประเทศโดยเฉพาะนิกายมหายาน มหาวิทยาลัยนาลันทาเจริญรุ่งเรืองอยู่ได้ประมาณ 800 ปี จึงเริ่มเสื่อมสลายลง แต่เหตุการณ์ที่ทำลายมหาวิทยาลัยนาลันทาอย่างรุนแรง คือ การที่พวกมุสลิมเติรกส์รุกรานเข้ามาในราวปี พ.ศ.1742 ในช่วงที่ทำสงครามกันอยู่ยาวนานกว่า 300 ปี มีการกวาดล้างศาสนาต่างๆ บังคับให้เข้าศาสนาตน ฆ่าพระสงฆ์ นักบวชฮินดู ตลอดจนผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา เผาทำลายล้างสิ่งปลูกสร้างและตำราต่างๆที่มีอยู่มากมายมหาศาลจนหมดสิ้น มหาวิทยาลัยนาลันทาล่มสลายจมลงอยู่ใต้พื้นพิภพ นานถึง 625 ปี เพิ่งมาขุดค้นพบ กันอีกครั้ง เมื่อ พ.ศ. 2403 โดยชาวอังกฤษ การขุดสำรวจ ภายในเนื้อที่ 230 ไร่ ได้พบซากบางส่วนของมหาวิทยาลัยนาลันทา หอประชุม ที่พักนักศึกษา ห้องเรียน โรงอาหาร สังฆาราม เป็นต้น 1700 น. นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองคยา ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
|
วันที่ 4 คยา - กรุงเทพ ฯ |
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารนำคณะไปหาซื้อของฝากก่อนกลับบ้าน เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม เช็คเอาท์ พร้อมเดินทางไปยังสนามบินคยา |
อัตราค่าบริการ (พักห้องคู่) พักโรงแรม Marasa Sarovar
เดินทาง 2 ท่าน ราคาท่านละ 23,500 บาท
เดินทาง 4 ท่าน ราคาท่านละ 18,800 บาท
เดินทาง 6 ท่าน ราคาท่านละ 17,800 บาท
พักเดี่ยวจ่ายเพิ่ม 5,950 บาท
อัตราค่าบริการ (พักห้องคู่) พักโรงแรม Hyatt Place Bodh Gaya
เดินทาง 2 ท่าน ราคาท่านละ 31,500 บาท
เดินทาง 4 ท่าน ราคาท่านละ 26,500 บาท
เดินทาง 6 ท่าน ราคาท่านละ 25,800 บาท
พักเดี่ยวจ่ายเพิ่ม 8,950 บาท
**ทางบริษัทมีบริการจองตั๋วเครื่องบิน กรุณาแจ้งวันเดินทางกับทีมงานเพื่อสอบถามราคา**
*หากต้องการเดินทางแบบมีหัวหน้าทัวร์คนไทยเดินทางพร้อมคณะ/ หรือเดินทางเป็นคณะใหญ่กรุณาติดต่อทีมงานเพื่อสอบถามเพิ่มเติม*
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองทัวร์ติดต่อ
081-9180896/ 084-4509914/ 02-5104924
หรือ Add Line @niscotravel
อัตราค่าบริการรวม
· ค่าโรงแรมที่พักระดับห้าดาว Marasa Sarovarหรือ Hyatt Place Bodh Gaya
· ค่าอาหารทุกมื้อตามที่ระบุในรายการพร้อมน้ำดื่มสะอาดวันละ 1 ขวด
· รถยนต์ Crysta Innova สำหรับผู้เดินทาง 2-4 ท่าน รถ Tempo Traveler สำหรับผู้เดินทาง 6 ท่านให้บริการตลอดการเดินทางตามรายการ
· เจ้าหน้าที่ทัวร์ท้องถิ่นเดินทางไปกับคณะคอยดูแลอำนวยความสะดวกระหว่างการเดินทาง ตามรายการท่องเที่ยว
· พระธรรมวิทยากรบรรยาย
· ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ตามที่ระบุในรายการ
· ค่าภาษีทุกชนิดตามที่รัฐบาลเรียกเก็บ
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
· ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน กรุงเทพ ฯ – คยา - กรุงเทพ ฯ
· ค่าวีซ่าประเทศอินเดีย(หากมีการเรียกเก็บจากสถานทูต) *สำหรับคนไทยฟรีค่าวีซ่าอินเดียถึง 31 ธันวาคม 2568*
· ค่าทำหนังสือเดินทาง
· ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด
· ค่าทำใบอนุญาตที่กลับเข้าประเทศของคนต่างชาติ หรือคนต่างด้าว
· ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
· ค่ากล้องถ่ายรูป และค่ากล้องวีดีโอ หากจะนำไปถ่ายภาพภายในสถานที่ สำคัญ ซึ่งทางหัวหน้าทัวร์จะแจ้งให้ทราบ
· ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ท่าน สั่งมาทานนอกเหนือจากรายการ
· ค่ามินิบาร์ โทรศัพท์ ฯลฯ ในโรงแรม
· ค่าเสลี่ยงขึ้นเขาคิชกูฏ พร้อมค่าทิป คนหามเสลี่ยง หากต้องการ ท่านละ ประมาณ 1,500 รูปี หรือเป็นเงินไทย ประมาณ 700-800 บาท ทั้งขาขึ้น และ ขาลง (สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เดินไม่สะดวก) เช็คราคาอีกครั้งกับไกด์ท้องถิ่น
· ค่าทิปเจ้าหน้าที่ทัวร์ท้องถิ่นและคนขับรถ




